บทที่ 4 ไอติม

.

.

.

“เฮ้ย!!!”

บิ้วตี้เงยหน้ามองภาพตรงหน้า เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดฟอร์มของพนักงานเสิร์ฟ เห็นว่าคนๆ นั้นทำการชกต่อยยื้อแย่งกระเป๋าสีชมพูในมือของโจรชั่ว

“อย่ามาให้เห็นอีกนะมึง!!” ผู้ชายคนนั้นตะโกนไล่หลัง หลังจากที่โจรชั่วยอมละทิ้งกระเป๋าเพราะสู้แรงไม่ไหว วิ่งหนีไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้มากพอจนทำให้บิ้วตี้มองเห็นใบหน้าชัดขึ้น

“นะ นะ น้อง... วิน... ฮึก” วินทรุดตัวลงนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า ควักอะไรสักอย่างที่กระเป๋าเสื้อของตัวเอง จนเมื่อหยิบได้แล้วก็หันมาเปิดกระเป๋าสีชมพูของหญิงสาวออก เทกระจาดลงตรงหน้าทำให้ทุกสิ่งอย่างภายในกระเป๋าสีหวานเปิดเผยออกมาจนหมด วินขมวดคิ้วให้กับสิ่งที่เห็น สายตาไล่กวาดมองด้วยความอึ้งเล็กน้อย

ถุงยาง.... เจล.... ดิลโด้..... รูปผู้ชาย.... บัตรบาร์โฮสต์.... บัตรสะสมบาร์เกย์?

ห่าอะไรว่ะเนี้ย!!

วินสบถอยู่ในใจ ก่อนจะยกมือลูบหน้าลูบตาเรียกสติ ในขณะที่บิ้วตี้นอนน้ำตาไหลพรากกับพื้นดินอย่างหมดสภาพ วินถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหยิบคว้ากระเป๋าสตางค์ของหญิงสาวตรงหน้าเปิดออก ดูกระดาษที่ถือไว้ในมือ สลับกับการหยิบเงินในกระเป๋า จนเมื่อเจ้าตัวหยิบไปครบตามจำนวน ก็ปิดกระเป๋า แล้วเก็บของทั้งหมดกลับคืนที่เดิม

“ค่าเหล้า ค่าอาหาร ทั้งหมด 2,447 บาทครับ ผมหยิบไป 2,500 นะครับ ที่เหลือถือว่าเป็นทิปแล้วกัน” ว่าจบก็ว่างกระเป๋าลงตรงหน้าเหมือนเดิม แล้วผุดตัวลุกขึ้น ตั้งท่าจะผละจากไป หากแต่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่รีบวิ่งตรงมาทางนี้ ก่อนจะร้องเรียกเสียงดังลั่น

“อีบิ๊ววววววววววววว” เสียงนั้นทำให้บิ้วตี้หันไปมอง แม้ว่ามือจะกุมเป้า น้ำตาจะไหลพราก ก็ยังคงมองเห็นว่าเพื่อนสาววิ่งเข้ามาหารวดเร็วแค่ไหน

“ใครทำอะไรมึ๊งงงงง แล้วทำไมไปนอนตรงนั้น!! ลุกขึ้นสิย่ะ!!”

“กู.... จุก....” พูดพร้อมกับหอบแฮ่ก หายใจเข้าออกอย่างรุนแรง เพราะคำพูดของเพื่อนสาว ทำให้เดียร์หันขวับไปมองชายตรงหน้าทันที ก่อนจะพบว่าเป็นคนๆ เดิมที่ทำให้เพื่อนของตนต้องไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์นั้นนานนับชั่วโมง

“นี่นายอีกแล้วหรอ!! เพื่อนฉันไปทำอะไรให้! ทำไมต้องทำร้ายเพื่อนฉันด้วย!!” เดียร์เท้าสะเอว ชี้หน้าว่าชายหนุ่ม ในขณะที่วินทำเพียงยืนมองนิ่งๆ มือหนึ่งล้วงกระเป๋าอย่างคนเบื่อหน่าย

“พวกคุณกินแล้วไม่จ่าย ผมแค่มาตามทวงเงินเฉยๆ ไปล่ะ” ว่าพร้อมกับหันหลัง โบกมือเล็กน้อย แล้วเดินจากไปไม่สนใจสองสาวที่ด้านหลังอีกต่อไป เดียร์มองตามพร้อมกับกระทืบเท้าเล็กน้อย แล้วจึงก้มลงประคองเพื่อนของตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ

“ไปมึง กูพาไปหาหมอนะ หน้ามึงช้ำจนดูไม่ได้แล้ว” บิ้วตี้พยักหน้าให้แทนการตอบกลับ เนื่องจากตอนนี้มันเจ็บจุกจนพูดไม่ออกอีกต่อไปแล้ว สองสาวประคองกันไปอย่างทุลักทุเล คนเจ็บก็เอ่ยปากบอกเบาๆ

“อิเดียร์... มึงไปเอารถ.... มารับกูเหอะ.... อิเหี้ย กูจะตายแล้ว” คำพูดนั้นทำให้เดียร์ชะงัก มองเพื่อนสลับกับรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะพยักหน้า พาบิ้วตี้ไปยืนพิงกำแพง แล้วตัวเองก็รีบวิ่งไปที่รถทันที จัดการสตาร์ทรถแล้วขับมาจอดใกล้ๆ ก่อนจะลงจากรถมาช่วยพยุงเพื่อนสาวคนสนิทไปโรงพยาบาล

.

.

.

“หมอว่านอนพักที่นี่สักคืนดีกว่านะครับ ไม่รู้ว่าจะมีเลือดคั่งรึเปล่า มีอาการบวมผิดปกติด้วย น่าเป็นห่วงอยู่นะ” หมอพูดกับบิ้วตี้ขณะที่ใช้ไม้เขี่ยมะเขือม่วง (อีกแล้ว) ไปมาเบาๆ ก่อนจะอธิบายต่อ

“ปกติแล้วถ้าโดนแบบนี้มา แค่พักสักหน่อยมันก็จะหายจุกหายปวดไปเอง แต่ฟังจากที่เล่ามานี่โดนรอบสอง อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง ยังไงถ้าจะเอาอะไรก็กดปุ่มเรียกนางพยาบาลนะครับ” บิ้วตี้พยักหน้ารับอย่างอ่อนแรง คนเป็นหมอจึงใส่กางเกงผู้ป่วยให้ตามเดิม แล้วส่งยิ้มให้กำลังใจ

บิ้วตี้มองหน้าคนเป็นหมอที่ยกยิ้มบาง และจะดีต่อใจมากกว่านี้ถ้าหมอไม่หน้าแก่จนเหี่ยวและหัวล้านแบบนี้!!! แต่เอาเถอะ รอยยิ้มอ่อนโยน ให้อภัย แต่เพราะแบบนี้ไงถึงไม่อยากมาโรงพยาบาล!

เดียร์ยกมือไหว้ขอบคุณหมอ ก่อนจะขยับเข้ามายืนข้างๆ กับเพื่อนสาวที่กำลังนอนหน้าซีดหน้าเซียวอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นตบบ่าบิ้วตี้เบาๆ

“ถ้ามึงไม่บอกว่าไอ้น้องนั่นมาช่วย กูก็คงคิดว่ามันแม่งโคตรเลวอะที่มาเตะผ่าหมากมึงถึงสองรอบ”

“น้องเขาไม่ได้ทำ น้องเขาแค่มาทวงเงินเฉยๆ”

“เออ กูรู้แล้ว แต่ก็แหม แทนที่จะช่วยกูแบกมึงขึ้นรถสักหน่อย แม่งเก็บเงินแล้วจากไปหน้าตาเฉย อิสัส”

“เอาเหอะ อย่างน้อยๆ กูก็ได้ของคืนอ่ะ ต้องขอบคุณน้องเขาแหละ ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าแรง ค่าของ ไหนจะผ่อนอาคารอีก” เดียร์พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วถามต่อในทันที

“มึงอยู่ได้ใช่ไหม ให้กูอยู่เป็นเพื่อนเปล่า”

“ไม่เป็นไร มึงกลับไปพักเถอะ” บิ้วตี้บอกพร้อมกับมองไปรอบๆ ตัว

“กูมีเพื่อนอยู่ด้วยเยอะแยะ มึงเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“เออ งั้นกูกลับก่อนนะ นี่ของๆ มึง อะนี่โทรศัพท์ นอนพักเยอะๆ กูไปละ” บิ้วตี้ส่งยิ้มอ่อนแรงให้เพื่อนสาว ในขณะที่เดียร์หมุนตัวหันหลังเดินจากไป ยังไม่วายหันมาโบกมือหย็อยๆ ให้อีกทีเป็นการส่งท้ายพร้อมกับการส่งจูบ ทำให้บิ้วตี้หลุดหัวเราะออกมาหนึ่งคำ แล้วก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดอีกหนเพราะมันกระเทือนไปถึงม้ามเลยทีเดียว

“เฮ้อ ถ้ากูเป็นหมันนะไม่ต้องสืบเลย”

“เออ เป็นหมันก็ดี จะได้ตัดทิ้งแม่ง” บ่นงึมงำในลำคอ ก่อนจะค่อยๆ จมลงสู่ห้วงนิทราเพราะความเหนื่อยอ่อนที่สะสมมาทั้งวัน.....

“อีบิ้ว”

“อื้อออออ”

“อี้บิ้ว”

“อื้อออออ ขาาา”

“ขาแล้วก็ตื่นอิเหี้ย!”

เพี้ยะ!!

“โอ้ย!!” แรงตบจากฝ่ามือพิฆาต ทำให้บิ้วตี้ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นจากที่นอน หันไปมองรอบๆ ตัวอย่างงุนงง เห็นเพื่อนสาวยืนเท้าสะเอวที่ด้านข้างเตียง เห็นนางพยาบาลทำหน้าดุ เห็นคุณปู่คนหนึ่งกำลังนอนพะงาบ เห็นบุรุษพยาบาลกำลังจับเตียง เห็นลุงๆ ป้าๆ กำลังมองจ้องเขม็ง และท้ายที่สุด เห็นคุณหมอหน้าเหี่ยวยืนส่งยิ้มเจ็ดเจื่อนให้ เมื่อสำรวจครบแล้วก็หันมาหาเพื่อนสาว ร้องถามด้วยความงุนงงสุดขีด

“อะไรอ๋อ??”

“อ๋อบ้านแม่มึงสิ!! ตื่นแล้วก็ลุกไปเปลี่ยนผ้า! นอนกินบ้านกินเมืองกินแรงเพื่อน อิเลว!”

“มึงด่ากูไมอะ กูไปทำอะไรให้” บิ้วตี้พูดบ่นพร้อมทำหน้ามุ่ย ขยับตัวลงจากเตียงช้าๆ หยิบคว้าเสื้อผ้าในตู้เล็กข้างๆ กันมากอดเอาไว้แน่น ส่วนเดียร์ก็จัดการเก็บข้าวเก็บของยัดใส่กระเป๋าไปพลาง พูดบ่นไปพลาง

“เออ! เพราะมึงไม่ทำอะไรไง เอาแต่นอน! แถมยังนอนกรนอีก!! กูละอายเขา!”

“อ้ะ? หนูนอนกรนด้วยหรอคะ” นางพยาบาลถลึงตาใส่ ในขณะที่บุรุษพยาบาลเดินเข้ามาใกล้ เข็นเตียงที่ตนพึ่งนอนออกไปด้านข้างตรงทางเดิน แล้วเข็นคุณปู่เข้าไปแทนที่ ทำให้บิ้วตี้หันไปกะพริบตาปริบๆ ใส่ด้วยความไม่เข้าใจ ในขณะที่เดียร์ดุนดันหลังเพื่อนให้ก้าวเดินไปห้องน้ำที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก พร้อมกับพูดกับคุณหมอไปพลาง

“ขอโทษนะคะที่ทำให้เดือดร้อน ขอโทษจริงๆ ค่ะ” ว่าพร้อมผงกหัวขอโทษขอโพย คนเป็นหมอที่แลดูเป็นผู้ใหญ่ใจดียกยิ้มส่งให้ พยักหน้ารับอย่างไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ ในขณะที่บิ้วตี้โวยวายออกมาเสียงดัง

“มึงจะดันกูทำไมเนี้ย แล้วนั่นกูเตียงกู เขาจะเอาเตียงกูไปไหน แล้วกูจะนอนตรงไหนละ!”

ผลั๊วะ!

เดียร์ฟาดมือเข้าที่กลางหลังเพื่อนสาวอีกหน เอ่ยปากเสียงเข้มเข้าข่มจนบิ้วตี้หง๋อ

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่กูจะหมดความอดทน” ถลึงตาส่งอีกรอบเป็นการยืนยัน บิ้วตี้จึงทำหน้ามุ่ย ยอมเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดยดี

ใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย เดียร์จึงพาเดินออกจากตึกโรงพยาบาล หากแต่บิ้วตี้กลับดึงแขนเพื่อนสาวเอาไว้ ร้องถามด้วยความตกใจ

“ยังไม่ได้จ่ายเงินเลยมึง! มึงจะชักดาบหรอ!” และเพราะแบบนั้น ทำให้ศีรษะทุยได้รูปโดนโบกไปอีกงามๆ หนึ่งที ทำเอาบิ้วตี้หัวสั่นสะเทือน ส่วนเดียร์เองก็ไม่รอให้เพื่อนตั้งตัวได้ เดินก้าวเท้านำลิ่วออกไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปที่รถกระบะที่จอดอยู่ไม่ไกล จะได้ไม่ทรมานคนโดนเตะไข่ให้ร้าวระทมยิ่งขึ้นไปอีก

พอสองสาวขึ้นรถมาได้ บิ้วตี้ก็เร่งเดียร์ยิกๆ ให้รีบออกรถ สายตาสอดส่ายไปทั่ว กลัวว่าใครจะมาจับกุมตัวเพราะไม่ยอมจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล เดียร์ได้แต่มองท่าทางนั้นอย่างระอาใจ ส่ายหัวไปมาแล้วเริ่มต้นอธิบาย

“เมื่อตอน 10 โมง โรงพยาบาลโทรไปบอกกูว่าให้มึงกลับไปพักที่บ้านได้แล้ว กูกำลังเตรียมร้านอยู่พอดีก็เลยออกมาช้านิดหน่อย กว่าจะถึงก็ปาเข้าไปเกือบ 11 โมง พอมาถึงแล้วกูก็เข้าไปปลุกมึงให้ตื่น เก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวออก มึงก็ลุกขึ้นนั่ง บอกว่าเข้าใจแล้ว กูเลยวางใจ ลงไปจ่ายเงินค่ารักษา เชี่ย คนแม่งอย่างหนอน ไม่รู้จะมาหาหมอกันทำไมเยอะแยะ

ละกูเสือกไปต่อคิวผิดอีก ไปต่อคิวรับยาแทน ทั้งๆ ที่มันต้องจ่ายเงินก่อน ก็เลยเสียเวลาเข้าไปใหญ่ โทรหามึงก็ไม่รับ กว่าจะเสร็จก็บ่ายโมงเกือบบ่ายสอง ยาที่ได้มาก็ยาพาราโง่ๆ อิสัส ให้กูรอเป็นชั่วโมง พอจัดการเรื่องค่ารักษาค่ายาเสร็จ ก็ขึ้นมารับมึงที่ห้อง แล้วกูเจออะไร มึงคิดว่ากูเจออะไร!!!”

“มะ มะ มะรู้วววววว” บิ้วตี้ทำหน้าเลิ่กลั่ก มองซ้ายมองขวาอย่างคนมีชนักติดหลัง ไม่กล้างมองหน้าเพื่อนสาวที่กลายร่างเป็นนางยักษ์ขมูขีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“กูเจอมึงนอนถ่างขา!! อ้าปากกรน!! น้ำลายไหล!! โดยที่มีทั้งคนป่วย ญาติคนป่วย หมอ หมา นางพยาบาล มารุมล้อมอยู่รอบเตียงมึง!! หันมาบอกกูเสียงอ่อยว่าปลุกไม่ตื่น อิเวง!! ไม่รู้ว่าหลับหรือตาย! อีกนิดส่งเข้าห้องดับจิตแล้ว!”

“จะ จะ ใจเย็นๆ นะมึง....” บิ้วตี้พูดเสียงอ่อย เมื่อรู้ว่าตัวเองสร้างปัญหาให้เพื่อนเยอะมาก จนนางโมโหโกรธาองค์ลงเป็นที่เรียบร้อย จึงยื่นมือออกไปช้าๆ หมายจะลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจ หากแต่คนเป็นเพื่อนหันมาทำตาดุใส่ ถลึงตามองจ้อง แล้วกลับไปสนใจถนนเบื้องหน้า

“ขายขี้หน้าฉิบหาย แม่ง อายเขาจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูนะอีตี๋ กูจะแจ้นกลับบ้านแม่ง” บิ้วตี้ยิ้มเจื่อนๆ แล้วหลังจากนั้นนาทีนรกก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเดียร์ร่ายยาว บ่นแบบนอนสต็อปจนกระทั่งถึงร้านของตัวเอง พอจอดรถได้ก็เปิดประตูลงไป แล้วปิดดังปัง! เดินตึงตังเข้าร้าน ทำให้บิ้วตี้ตามลงไปติดๆ

“เอาน่า กูขอโทษนะ นะๆๆๆ อย่าโกรธเลยนะ คิดซะว่าหมอเขาเจอเราแค่ครั้งเดียว อีกไม่นานหมอก็ตายแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอกเน๊อะ”

“ปาก อิสัส ปากเสีย” เดียร์ส่ายหน้าไปมา ในขณะที่มุมปากเริ่มกระตุกยิ้ม บิ้วตี้เห็นดังนั้นจึงรีบสุมไฟในทันที

“จริงๆ นะมึง เรากลับไปอีกครั้งหมอเขาก็จำหน้าไม่ได้หรอก วันๆ เขาตรวจคนไข้ตั้งเท่าไหร่ ไม่มาสนใจเราหรอกมึง อย่าได้แคร์”

“เออ ก็จริงของมึงนะ” พูดพร้อมส่ายหน้า แสดงอาการละเหี่ยใจ ก่อนจะขยับเท้าไปแย่งไดร์จากลูกน้องที่กำลังเป่าผมให้ลูกค้าอยู่ ในขณะที่บิ้วตี้เดินมาเกาะไหล่ พูดงุ้งงิ้งใส่หู ขอโทษขอโพยพร้อมกับการออดอ้อน จนในท้ายที่สุด เดียร์ก็หลุดยิ้มออกมาและหัวเราะสนุกสนานไปกับเรื่องที่พูดคุย

“เดียร์ เตงจะกินไรไหมอ้ะ เดี๋ยวเค้าไปซื้อให้ เค้าหิ๊วหิว” พูดเสียงสูงพร้อมกับลูบท้องไปพลาง เดียร์หันหน้ามามองเพื่อนสาวก่อนจะเอ่ยปากไล่

“มึงไปอาบน้ำก่อนไหมอีเน่า กลิ่นปลาเค็มแม่งออกล่ะ ดูสารรูปเข้า รับไม่ได้ ออกจากวงวารกะเทยสวยของกูเลยไป๊!” เมื่อเดียร์พูดจบ บิ้วตี้ก้มมองตัวเองแล้วนึกขึ้นได้

“เออ กูยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานเลยนี่หว่า” เหลือบมองเวลาก็เกือบจะ 5 โมงเย็นเข้าไปแล้ว คนอะไรจะเน่าได้ขนาดนี้ว่ะ คิดไปคิดมาก็ทำท่ายักไหล่ ก่อนจะเอ่ยบอก

“เอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาอาบก่อนนอนทีเดียว” พูดแล้วก็หยิบคว้าเงินมากำเอาไว้ วิ่งตึงตังไปที่ประตูร้าน หยิบคว้ามอเตอร์ไซค์ประจำร้านขึ้นควบขี่ แล้วส่งเสียงร้องออกมาด้วยความร่าเริง

“แง๊นๆๆๆๆ แง๊นนนนนน” เดียร์มองจากภายในร้านพร้อมทำหน้าละเหี่ยใจ เมื่อเพื่อนสาวผู้เป็นเจ้าของร้านพุ่งออกสู่ถนนด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่มันดันทำเสียงประกอบราวกับตัวเองเป็นเด็กแว้นตัวเอ้

“จะได้กินชาติไหนน่ะพี่เดียร์”

“เฮ้อ กูว่า 3 ทุ่มมันยังไม่ถึงบ้านเลยมั้ง” หันไปตอบน้องผู้ช่วย แล้วกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อ ละทิ้งความสนใจให้กับคนสติไม่สมประกอบไว้เบื้องหลัง

บิ้วตี้ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ กว่าจะพาตัวเองมาถึงตลาดนัดติดถนนใหญ่ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง ที่ช้าเพราะเอาแต่บิดรถตามก้นผู้ชายที่มันเด้งดึ๋งล่อตาล่อใจของชายนักวิ่ง แต่พอหันหน้ากลับมาเท่านั้นแหละ บิดหนีแทบไม่ทัน เมื่อหน้าของชายคนนั้นสวยกว่าตัวเองเสียอีก!

เมื่อจอดรถได้แล้ว ก็เดินร่อนไปทั่ว เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ แวะดูทั้งของกิน เสื้อผ้า เครื่องประดับ แม้แต่ของทำสวนทำไร่

จุ๊บ จ๊วบบบบ จุ๊บ จุ๊บ แผล็บ

“ซี๊ดดดดด อ่าส์”

ไอติมโบราณที่ทำมาจากน้ำหวานกำลังถูกดูดอย่างเมามันจนสีแห้ง เหลือเพียงน้ำแข็งสีขาวๆ ติดอยู่ที่ปลายไม้ มาพร้อมกับเสียงครางหวานชวนให้ใครๆ ใจสั่นสะท้าน เมื่อเจ้าตัวนั้นใช้ฟันขบกัดที่ส่วนปลายอย่างเอร็ดอร่อย ทำหน้าฟินเวอร์เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ทำให้คนที่หันมองด้วยความสนใจหลายๆ คนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

“หื้ม?” ส่งเสียงครางในลำคอ เมื่อเรดาร์สั่นระริก ดวงตากลมโตจับจ้องผู้ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าหล่อเหลากระแทกเข้าเบ้าตา เห็นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกำลังยืนเลือกซื้อผักสดที่แผงขายด้านหน้า ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะส่งเสียงร้องทักออกไปดังลั่น

“วินวิ๊นนนนนนน”

“เฮ้ย!!!” บิ้วตี้ว่าพร้อมกระโจนเข้าหา สองแขนกอดคว้าหมับเข้าที่กล้ามโตๆ วางซบศีรษะถูไถไปมาอย่างออดอ้อนจากทางด้านข้าง หากแต่คนถูกลวนลามกับทำหน้าเหวอ ผลักหัวออกเต็มแรงจนบิ้วตี้หน้าหงายเงิบแต่สองมือยังคงเกาะแน่นเป็นปลิงไม่ยอมปล่อยมือ

“เหี้ยไรเนี้ยะ!”

“เค้าเองไงวิน เค้าเองๆๆๆ จำเค้าไม่ได้หรอวินวิ๊นน”

“สัตว์ประหลาดแบบมึงใครเขาจะไปจำ ปล่อยกู!” พูดพร้อมพยายามดิ้นออกจากวงแขนแข็งแกร่งปานคีมเหล็ก ไม่รู้มันไปแบกถังข้าวสารมาหรือยังไง ร่างกายก็ดูเล็กดูเตี้ย แต่ทำไมแรงแม่งเยอะจังว่ะ!

“ก็เมื่อวานวินวิ๊นไปทำผมที่ร้านเค้าไง แถมเมื่อคืนยังไปช่วยเค้าจากโจรอีก” คำพูดนั้นทำให้คนที่กำลังดิ้นอยู่ชะงักกึก แล้วก้มลงมองคนตรงหน้าดีๆ อีกหน จะว่าไป... ชุดแม่งก็ชุดเดียวกันกับเมื่อวานเลยนี่แหว่า! แถมยังจำไม่ได้ด้วยว่าไปช่วยมันจากโจรตอนไหน (ก็จำได้แค่ไปทวงค่าเหล้า)

“มึงอยากโดนอีกใช่ไหม” วินถามเสียงเหี้ยมเกรียม มองจ้องดุดัน ทำให้บิ้วตี้ปล่อยมือออกในทันที ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมยิ้มเจื่อน วินสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม แล้วขยับตัวออกห่าง หันกลับไปสนใจผักตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง

“กรี้ดดดดดดดดด” เสียงหวีดร้องเสียดแทงแก้วหู ทำให้วินยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองพร้อมหันขวับไปมองที่มาของเสียงนั้น เห็นตัวประหลาดตรงหน้าปากคอสั่น ชี้นิ้วไปที่พื้น

“ฮึก ฮือออออ ไอติมของกู้วววววว” ว่าพร้อมร่ำไห้น้ำตาไหลพราก ทำให้วินหันไปมองตามบ้าง เห็นไอติมโบราณนอนแอ้งแม้ง ละลายอยู่บนพื้นดิน ไม่ใกล้กันนั้นมีข้าวของอีกมากมายที่วางกองรวมกันอยู่บนพื้น ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ได้เองว่า ผู้หญิงบ้าๆ คนนี้มันโยนข้าวของในมือทิ้ง แล้ววิ่งมากระโดดเกาะแขน ส่ายหน้าให้กับคนสติไม่เต็มเต็ง แล้วหันกลับมารับผักสดมาถือไว้ในมือ ยื่นเงินให้กับแม่ค้า แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเพราะเสียงกรีดร้องแปดหลอด

“กรี้ดดดดดด ไอ้หมาเหี้ยยยย ไก่ช้านนนนนน” บิ้วตี้กระทืบเท้าเร้าๆ แล้วออกตัววิ่งทันที เมื่อข้าวของๆ ตัวเองถูกหมาจรจัดรื้อค้นกระจุยกระจาย แล้วมันก็คาบเอาถุงไก่ทอดที่ซื้อไว้วิ่งหนีไป ทำให้บิ้วตี้ผวาเฮือกแล้วใส่เกียร์หมาวิ่งตามในทันที ทิ้งบุคคลที่งุนงงเอาไว้เบื้องหลัง

“ปัญญาอ่อน” ว่าพร้อมส่ายหน้าไปมา ก้มลงเก็บข้าวของบนพื้นทั้งหมดมาถือไว้ แล้วฝากเอาไว้กับร้านค้าใกล้เคียง รอให้คนบ้ามันมาเอาคืนไปเอง ในขณะที่ตัวเองก็ขยับย้ายที่ ไปเลือกซื้อของตามรายการที่พี่โจ้เจ้าของร้านจดมาให้

ที่อีกด้านหนึ่ง…..

“หยุดนะไอ้หมาบ้า!!! จะเอาไก่ฉันไปไหน!!” บิ้วตี้วิ่งไปตะโกนไป วิ่งตามหลังหมาจรจัดพันทาง เจ้าหมาตัวร้ายก็ทำการมุดๆ เข้าไปอยู่ใกล้กับสิ่งก่อสร้างข้างๆ ที่กำลังต่อเติมให้เห็นเป็นโครงร่างอาคารหลังใหม่

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” บิ้วตี้หอบหายใจหนักหน่วง เงยหน้ามองตามในทิศทางที่เจ้าหมาตัวร้ายวิ่งหนีไป เพียงไม่นานนักก็มีลูกหมาตัวสีน้ำตาลขนปุกปุยวิ่งเตาะแตะออกมา ทำให้บิ้วตี้ชะงักนิ่ง จ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วเริ่มต้นนับเลขช้าๆ ภายในใจ

1

2

3

4

5.....

“5 ตัว!” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองจำนวนลูกหมาตรงหน้า ที่พากันเดินออกมาพันแข้งพันขาเจ้าหมาพันธุ์ทางผู้เป็นมารดา ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวออดอ้อนขออาหารกันสนั่น ก่อนที่แม่หมาจะปล่อยถุงไก่ทอดลง เจ้าลูกหมาน้อยก็พากันรุมกัดแทะกันยกใหญ่ ดังนั้นแล้วบิ้วตี้จึงหมุนตัวหันหลังกลับ วิ่งไปในทิศทางเดิม มุ่งตรงไปที่ร้านไก่ทอดเจ้าเดิม แล้วสั่งซื้อโครงไก่ทอดถึง 3 โครงด้วยกัน สั่งให้สับให้เรียบร้อย เมื่อสั่งเสร็จก็วิ่งไปอีกทาง ซื้อข้าวเปล่าอีก 30 บาท แล้ววิ่งกลับมาที่ร้านไก่ รวบของทั้งหมดมาถือไว้ แล้วออกตัววิ่งไปในทิศทางที่พึ่งจากมาก

การกระทำทุกอย่าง ตกอยู่ในสายตาของคนๆ หนึ่ง ยิ่งมองก็ยิ่งฉงนใจ หันไปร้องบอกกับเพื่อนสนิท ฝากของทุกอย่างไว้ให้ถือ แล้วออกตัวก้าวเดินตามหลังไปอย่างช้าๆ

เดินตามหลังเพียงไม่นานนัก ก็พบกับคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ ส่งเสียงเล็กเสียงน้อยพูดคุยไม่หยุด ด้วยความที่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว จึงหันหลังพิงกำแพงในมุมอับสายตา ยืนกอดอกฟังคนบ้าพูดคุยเงียบๆ

“มาเร๊วววว มาหม่ำๆ เร๊ววว แม่ซื้อของมาให้กิน มามะๆๆๆ” พูดพร้อมเสียงก๊อบแก๊บของถุงพลาสติกที่ขยับไปมา จึงชะโงกหน้าดูเล็กน้อย เห็นว่าหญิงสาวนำข้าวไปคลุกใส่ถุง แล้วบีบขยำในถุงนั้นเอง เพียงไม่นานนักก็จัดการเทออก แบ่งเป็นกองๆ แล้วเก็บขยะทั้งหมดมาถือไว้ ขยับตัวออกเล็กน้อย สายตามองจ้องไปที่ลูกสุนัขที่กำลังล้อมวงกินข้าว บิ้วตี้ยกยิ้มเต็มดวงหน้า ก่อนจะทำหน้างอตามด้วยการบ่นพึมพำเบาๆ

“อ่า แย่จัง ไม่ได้มาตลาดทุกวันด้วยสิ” คนที่แอบฟังอยู่เลิกคิ้วเล็กน้อย ปรายสายตามอง แล้วออกเดิน ก้าวจากมาอย่างเงียบงัน

“ไปทำไรมาวะ?” เจร้องถามเพื่อนสนิท ที่ทิ้งให้ตนทำหน้าที่เลือกซื้อของเพียงลำพัง วินรับของที่ฝากเพื่อนไว้มาถือซะเอง ก่อนจะตอบกลับไป

“ไม่เสือกดิ” คำด่าที่ได้รับโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนถูกด่านั้นตาโต ก่อนจะบ่นออกมา

“โห ไอ้สัส กูถามดีๆ ไหม เ_ดแม่” วินยักไหล่ไม่สนใจ ในขณะที่เจหรี่ตามอง เอ่ยถามอีกหน

“ว่าแต่ไปทำอะไรมา”

“ก็กูบอกว่า-”

“เออครับ มึงบอกว่าไม่เสือกครับ แต่ที่กูอยากเสือกเพราะมึงยิ้มนี่แหละไอ้เหี้ย” วินชะงักไปนิด หันไปกระตุกยิ้มกวนๆ โดยไม่ได้พูดอธิบายอะไรอีก เจส่ายหน้าไปมา แล้วช่วยกันเลือกซื้อของต่อ เพียงไม่นานนัก คนๆ เดิมก็ปรากฏในสายตา วิ่งหน้าตั้งไปในจุดที่จากกัน หันมองซ้ายมองขวาหน้าตาตื่น ก่อนที่แม่ค้าแถวนั้นจะเรียกไว้ เจ้าตัวก็ทำหน้าโล่งใจ บอกขอบคุณเสียหลายที

“มองอะไรวิน ไปได้แล้ว” หันไปมองพร้อมพยักหน้ารับ มุ่งตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับร้านต่อ วินส่งทุกอย่างให้เจเอาไปแขวน แล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้าย เจก็ขับไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานนั้นก็ร้องออกมาเสียงดัง

“เฮ้ยๆๆๆๆ อะไรวะน่ะ!!” เพราะเสียงร้องตกอกตกใจของเพื่อนสนิท ทำให้วินชะโงกตัวไปมองด้านหน้า เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง หลังจากรายงานพี่โจ้ว่ากำลังกลับร้าน ใบหน้าคมเข้มผิวสีแทนขมวดคิ้วหมุน ร้องสั่งเพื่อนเสียงดังลั่น

“ไอ้เจ!! จอดๆๆๆ” ดังนั้นแล้วเจจึงทำตามคำสั่ง รีบจอดรถในบริเวณใกล้ๆ แต่โดยดี วินกระโดดลงจากรถอย่างรีบร้อน วิ่งตรงเข้าไปหา แล้วกระโดดถีบอย่างรุนแรง

พลั่ก!!!

“วินวิ๊นนนนนน”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป